The oldest photo of the stupa before it collapsed.
The stupa collapsed in 1903. ( B E 2443 )
วัดมหาธาตุ หมายถึง วัดอันเป็นที่สถิตของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
สร้างขึ้นในสมัยขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917
แต่เข้าใจว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นในรัชสมัยพระราเมศวร จารีตของการสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่เอาไว้ในเมือง ซึ่งถือสมมุติว่าพระเจดีย์นั้นเป็นที่สถิตของพระบรมสารีริกธาตุ และวัดนั้นถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ ทั้งมักจะมีชื่อว่า วัดมหาธาตุ หรือ วัดพระศรีมหาธาตุ หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ปรากฏโดยทั่วไปในทุกภูมิภาค จารีตดังกล่าวนี้จะเริ่มในสมัยใดนั้นไม่ทราบได้ แต่หากจะพิจารณาเฉพาะอาณาจักรอยุธยา จะเห็นได้ว่าธรรมเนียมดังกล่าวเริ่มตั้งแต่สมัยแรก ๆ ทีเดียว วัดมหาธาตุจึงเป็นวัดที่สำคัญที่สุดวัดหนึ่งของอาณาจักร ในฐานะที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า อีกทั้งหากจะพิจารณาดูสถานที่ตั้งก็จะเห็นว่าอยู่ใกล้ชิดกับพระบรมมหาราชวัง เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นวัดนี้จึงเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ฝ่ายคามวาสี) มาตลอดจนสิ้นกรุงศรีอยุธยา (ส่วนพระสังฆราชฝ่ายอรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดใหญ่ชัยมงคล หรือ สำนักวัดป่าแก้ว) วัดมหาธาตุนี้ ได้รับการบูรณะอีกหลายครั้ง เช่นในสมัยเจ้าสามพระยาได้ทรงตกแต่งวัดด้วยบรรดาประติมากรรมสำริดที่ขนมาจาก พระนครหลวง (นครธม) ในการมีชัยชนะเหนือเขมร อาทิ รูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ สุกร และมังกร โดยเรียงรายอยู่รอบวัดมหาธาตุ ปรางค์ประธานของวัดได้ทลายลงมาจนถึงชั้นครุฑในสมัยพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งได้มีการซ่อมใหญ่ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2176) โดยปรับองค์ปรางค์ซึ่งมีลักษณะ “ล่ำนัก” ให้เพรียวสูงขึ้นจาก 19 วา กลายเป็น 1 เส้น 2 วา และมีนภศูลอีก 3 วา รวมความสูงทั้งสิ้น 1 เส้น 5 วา หรือ 50 เมตร เข้าใจว่าคงจะมีการสร้างอาคารและเจดีย์หลายชนิดเพิ่มเติมอีกในสมัยต่าง ๆ กัน หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 วัดนี้จึงได้ร้างและเสื่อมโทรมเรื่อยมา จนกระทั่งปรงค์ประธานวัดได้พังทลายลงมาในสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งบูรณะวัดมหาธาตุขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2499 โดยให้ความสำคัญที่ตรงกลางพื้นห้องคูหาเรือนธาตุของปรางค์ประธาน ตามรอยที่คนร้ายได้ลักลอบขุดไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ได้พบปล่องภายใน มีสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้วย การค้นพบนี้ทำให้เรามีความรู้เกี่ยวกับการบูชาพระบรมสารีริกธาตุในสมัย อยุธยาเพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ พระบรมสารีริกธาตุนั้นบรรจุอยู่ในผอบ 7 ชั้น จากชั้นในสุดออกมาชั้นนอก ดังนี้ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นผลึกขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของเมล็ดข้าวสารนั้น บรรจุในตลับทอง ชั้นที่ 2 คือ สถูปแก้วผลึก ซึ่งประดับด้วยทองอัญมณี ได้แก่ โกเมน มรกต และทับทิม ชั้นที่ 3 เป็นสถูปไม้แดง ชั้นที่ 4 เป็นสถูปไม้ดำ ชั้นที่ 5 สถูปนาก ชั้นที่ 6 สถูปเงิน ชั้นที่ 7 สถูปชิน สถูปทั้ง 7 ชั้นบรรจุในเสาหิน สูง 3.20 เมตร ภายในกลวงมีฝาปิด เสาหินนี้อยู่ภายในช่องเป็นปล่องยาวจากตรงกลางห้องคูหาเรือนธาตุจนจรดระดับ พื้นดิน ปัจจุบันสถูปทั้งหมดพร้อมพระบรมสารีริกธาตุนั้นได้เก็บรักษาและจัดแสดงให้ชม และสักการบูชาที่ห้องมหาธาตุ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ภายในห้องของปรางค์ประธานมีจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาเป็นรูปอดีตพระพุทธเจ้า ประทับนั่งปางสมาธิ บ้างอยู่ในปางมารวิชัยภายในซุ้มเรือนแก้ว (คล้ายกับซุ้มเรือนแก้วของพระพุทธชินราช ที่พิษณุโลก) ซึ่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่อีกทีหนึ่ง รูปอดีตพระพุทธเจ้านั้นประทับนั่งต่อเรียงกันเป็นแถว โดยแต่ละองค์มีพุทธสาวกนั่งประนมมืออยู่ใต้ฉัตร 3 ชั้น รูปอดีตพระพุทธเจ้าที่นั่งเรียงกันเป็นแถวนี้มีอยู่หลาย ๆ แถวด้วยกัน เรียงจากชั้นบนลงชั้นล่างสุด อนึ่ง วัดมหาธาตุนั้นได้มีการค้นพบพระพุทธรูปหินสีเขียวสมัยทวารวดีองค์ใหญ่ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้รับการเคลื่อนย้ายไปประดิษฐานในวิหารน้อยของวัดหน้าพระเมรุ เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้คงจะเคลื่อนย้ายมาจากวัดหน้าพระเมรุ จังหวัดนครปฐม มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว http://ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/360/56/ |
It is exhibited at Chao Sam Phraya National Museum in Ayutthaya thailand.
The Buddha's skull relic in India.
The Buddha's relic in Bangkok,Thailand.